วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558
วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558
ความรู้ที่ได้รับจากการนำเสนองานกลุ่มในชั้นเรียน
พัฒนาครูทั้งระบบ
ที่มา : www.boysnotaccepted.com
สภาพทั่วไป
1.ผลิตครูขาดแคลนป้าหมาที่ชัดเจน
2.
ไม่สอดคลองกับความต้องการที่แท้จริง
โอกาสและความท้าทายในอนาคต
ใน
10 ปีข้างหน้า
1.ครูจะเกษียณ 180,000 คน
2.มาตรการทดแทนมีเกินครึ่งในระบบการศึกษา
3.เพิ่มอัตราการบรรจุครูใหม่
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาครูทั้งระบบ
1.สถาบันที่รับผิดชอบ สพฐ, ศษ, สถาบันอุดมศึกษา, คณะครุศาสตร์
1.1 การดึงดูดคนเก่ง คนดี
เข้าสู่สถาบันผลิตครู
1.2 การควบคุมคุณภาพของหลักสูตร
2.
หน่วยงานที่รับผิดชอบ คุรุสภา ก.ค.ศ.
2.1 เกณฑ์การรับเข้าเป็นครูและการออกใบประกอบวิชาชีพ
3.หน่วยงานที่รับผิดชอบ สพฐ. ก.ค.ศ
3.1
การพัฒนาความรู้และสมรรถนะครูอย่างต่อเนื่อง
4.สถาบันพัฒนาครูคณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา
4.1
พัฒนาผู้บริหารกรศึกษา
4.2
พัฒนาครูและบุคลากร
5. สถาบันงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
5.1พัฒนาครูตามนโยบาย
5.6
เพิ่มพูนศักยภาพของครูตามที่ต้องการ
สภาการศึกษาเจาะลึกผลงานวิจัยดีเด่น
ชี้ชัด!
ทิศทางสำคัญของการศึกษาเพื่ออนาคตไทย
ที่มา: www.atcloud.com
จุดประสงค์
เพื่อให้มีการนำเสนอเผยแพร่
ยกย่องงานวิจัย เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนของสังคมช่วยกันแลกเปลี่ยนความรู้
ลักษณะของวิจัย
ส่วนใหญ่นำไปสู่การแก้ปัญหา มีเนื้อหาการปฏิรูปทางการศึกษาในรูปแบบต่างๆ
ให้ความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้
พัฒนาการศึกษา
-
การปฏิรูปคุณภาพครู เพื่อปรับตัวเข้ากับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
- การพัฒนาเพื่อรองรับตลาดแรงงานเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
- การพัฒนาบัณฑิต
แนวทางดำเนินการปฏิรูปการศึกษา
-
สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้ดำเนินการปฏิรูปการศึกษาในส่วนที่เป็นระบบและกระบวนการ
- เน้นการใช้ทรัพยากรท้องถิ่น คือ วัดและพระสงฆ์
เนื่องจากมีปัญหาเรื่องงบประมาณ
- ในสมัยรัชกาลที่ ๕ จะให้พ่อแม่
ผู้ปกครองนักเรียนเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่าย
-การปฏิรูปการศึกษาและจัดการศึกษาแนวใหม่ของไทยอยู่ในความรับผิดชอบของบุคคลที่ไว้วางใจเท่านั้น
- มีการออกประกาศห้ามเด็กเล่นการพนันและให้ครูออกเสียงภาษาไทยให้ถูกต้อง
- ดำเนินงานจัดตั้งโรงเรียนหลวงสำหรับราษฎรทั่วไป
ปัญหาและอุปสรรค
การให้ความสำคัญต่อการปฏิรูการศึกษา
ปัญหาเกี่ยวกับภาวะผู้นำทางการศึกษา
ปัญหาเกี่ยวกับการขาดแคลนผู้รู้ทางการศึกษา
บทเรียนสำหรับการปฏิรูปการศึกษาในรัชกาลทื่
๙
-ภาวะผู้นำ
-การปฏิรูประบบสังคมควบคู่กับการปฏิรูปทางการศึกษา
-การให้ความสำคัญต่อการดำเนินการปฏิรูปการศึกษา
-การดำเนินการปฏิรูปการศึกษา
สื่อสารอย่างไรให้ปลอดภัย
ที่มา : ww.dek-d.com
องค์ประกอบ
คน
ข่าว
วิธีการ
คน
คือ ผู้ส่ง ผู้รับ และบุคคลการสื่อสาร
ผู้ส่ง
- ไม่ควรให้ใครทราบรหัสผ่าน
- อย่าให้เครื่องจำรหัสผ่าน
- เข้าสู่ระบบด้วยตนเอง
ผู้รับ
- กลุ่มลูกค้า
- อาจารย์
- ผู้ปกครอง
เพื่อน
วิธีการ
ภาพ
– เสียง Facetime Skype
ข้อความ
– ภาพ Facebook Line G-mail
Hotmail
ความก้าวหน้าของการประเมินผลด้านการศึกษานานาชาติ
ที่มา :www. krusorndee.net
๑.
โครงการการศึกษาระดับนานาชาติว่าด้วยการเรียนรู้คอมพิวเตอร์และข้อมูลข่าวสาร พ.ศ.๒๕๕๖
เน้นการศึกษาความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์และข้อมูลข่าวสาร
เพื่อการศึกษาและสร้างองค์ความรู้ รวมทั้งสื่อสารกับผู้อื่นทั้งที่บ้าน โรงเรียน
และชุมชน
๒.
การศึกษาแนวโน้มการจัดการศึกษาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ TIMSSขั้นสูง พ.ศ. ๒๕๕๘
เน้นการประเมินผลรอบตัว
มุ่งประเมินผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ของผู้เรียนในวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์
๓.
โครงการศึกษาหน้าที่และความเป็นพลเมืองระดับนานาชาติ พ.ศ.
๒๕๕๘
๔. ความก้าวหน้าทางการศึกษาด้านทักษะการอ่านระดับนานาชาติ
๕.โครงการการศึกษาด้านปฐมวัย
คำถามง่ายๆก่อนตัดสินใจซื้อคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต
ที่มา: www.men.sanook.com
แนวทางการเลือก
แท็บเล็ต
- พกพาง่าย เพราะมีขนาดที่เล็กและน้ำหนักเบา
แล็ปท็อบ
- มีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า แท็บเล็ต เพราะมีหน่วยความจำที่มากกว่า
PC
- มีหน่วยความจำที่มาก เหมาะกับการทำงานที่ค่อนข้างหนัก
การใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงาน
- ทำชิ้นงาน
- เล่นเกม
- เล่นอินเทอร์เน็ต
วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2558
กรอบแนวคิดการจัดการความรู้
กระบวนการจัดการเรียนรู้
วิกก์ (Wiig) (1993)
ที่มา ; www.kmpro.org
พรอบสท์ (Probst )รอบ(Raub)และฮาร์ด (Romhardt) (2000)
ที่มา : www.ksp.or.th
ได้เสนอกรอบ
ความคิดในการจัดการความรู้วาการจัดการความรู้จะประสบความสําเร็จ ได้ จะต้องมี
กระบวนการดังนี้คือ
1) การกำหนดความรู้
2) การจัดหาความรู้
3) การพัฒนาความรู้ขึ้นใหม่
4) การแ่งบันความรู้และกระจายคจายความรู้
5) การนำความรู้ไปช้งาน
6) การจัดเก็บความรู้
เทอร์แบน(Turban) และเฟรนเซล (Frencel) (1992)
ได้เสนอกรอบความคิดในการ
จัดการความรู้เป็นลําดับ ประกอบด้วย
- การสร้าง (create)
- การจัดและเก็บ (capture and store)
- การนำเสนอความรู้ (refine)
- การเผยแพร่องค์ความรู้ (distribute)
- การใช้ความรู้ (use)
- การประเมิน (monitor)
โนนากะ (Nonaka) และ ทาเคชิ (Takeuchi)
ที่มา ; http://www.udru.ac.th
Socialization แลกเปลี่ยนความรู้
Externalization จดบันทึก
Combination สร้างระบบ
Internalization วิเคราะห์องค์ความรู้
ไลนอวิซ (Liebowitz ) และ เบคแมน(Beckman)
ที่มา : www.tpa.or.th
ได้เสนอกรอบความคิดใน
การจัดการความรู้ ครอบคลุมวงจรความรู้ไว้อยางละเอียดและครบถ้วน ดังนี้
. Identification : การกำหนดความถนัดเฉพาะ กลยุทธ์ การค้นหาความรู้และ
แหล่งความรู้
2. Capture : การเสาะหาหรือดักจับความรู้ที่ต้องการหรือเหมาะสม และเก็บรวบรวมความรู้
3. Select : การคัดเลือกหรือการประเมินความรู้ว่ามีคุณค่าเป็นจริง และตรงกับความต้องการรวมทั้งพิจารณาความรู้ที่ขัดแย้งกัน
4. Store : การนําความรู้มาจัดเก็บอยางเป็นระบบ ทั้งนี้จะต้องเปลี่ยนความรู้ฝั่งลึกให้เป็นความรู้ชัดแจ้ง และมีการจัดการจัดเก็บอยางเป็ นระบบในฐานความรู้ขององค์กร
5. Share : การกระจายความรู้ไปยังผู้ใช้โดยดูจากความสนใจและชนิดของงาน
6. Apply : การประยุกต์ใช้ความรู้หรือการนําความรู้มาใช้ในการตัดสินใจ การแก้ปัญหา ช่วยในการทํางานหรือการฝึกอบรม
7. Create : การสร้างความรู้ใหม่ ๆ โดยการวิจัย ทดลอง และการคิดอย่าง
สร้างสรรค์
8. Shell : การพัฒนาการตลาด ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่
ๆ ที่เป็ นผลมาจากการใช้
ความรู้
โอเดล (O’Dell) เกรย์ซัน (Grayson) และ เอสเซเดส (Essaides)
ที่มา : http://www.udru.ac.th/
1. การกําหนดสิ่งสําคัญที่ทําให้องค์กรต้องทําให้สําเร็จ ขั้นตอนนี้มีความสําคัญที่สุด
ทั้งนี้เพราะจะเป็ นการกาหนดวัตถุประสงค์ของการจัดการความรู้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับ
1.1 การทําให้ลูกค้าหรือผู้ใช้บริการเกิดความประทับใจ
1.2 การลดระยะเวลาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือบริการใหม่
ๆ
1.3 คามเป็นเลิศในการทํางานหรือปฏิบัติการ
2. ปัจจัยที่ทําให้องค์กรสามารถจัดการความรู้ได้อย่างมีประสิทธิผล องค์กรต้อง
สร้างปัจจัยหลัก 4 ด้าน ที่ช่วยให้การจัดการความรู้ดําเนินไปได้อยางราบรื่น คือ
2.1 วัฒนธรรมองค์กร
2.2 โครงสร้างขององค์กร
2.3 เทคโนโลยี
2.4 การวัดผล
3. กระบวนการเปลี่ยนแปลง เมื่อได้กาหนดวัตถุประสงค์ของการจัดการความรู้ ํ
และมีปัจจัยดังกล่าวข้างต้นครบถ้วน องค์กรต้องใช้กระบวนการเปลี่ยนแปลงเพื่อขับเคลื่อน
การเปลี่ยนแปลงที่ต้องการซึ่งกระบวนการประกอบด้วย 4 ขั้นตอนหลัก คือ
3.1 วางแผน : ทําการประเมินตนเองวาอยู่ที่ไหน เมื่อเทียบกับสิ่งที่อยากเป็น
3.2 ออกแบบ : กำหนดหน้าที่บทบาทของผู้ที่มีส่วนร่วม เทคโนโลยีที่จะใช้
กำหนดการวัดผลลัพธ์ที่ต้องการ การจัดทําแผนงาน
3.3 ปฏิบัติ : จัดทําโครงการนําร่อง และดําเนินการตามแผน
3.4 ขยายผล: นําความสําเร็จจากโครงการนําร่องไปใช้ขยายผลให้ทัวทั้งองค์กร
ทึ่มา : http://www.udru.ac.th/website/attachments/elearning/10/03.pdf
กรอบแนวคิดการจัดการความร้ในบริบทสังคมไทย
ทึ่มา : http://www.udru.ac.th/website/attachments/elearning/10/03.pdf
1. การจัดการเปลี่ยนแปลงและพฤติกรรม = ให้มีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียว
2. การสื่อสาร = ผู้ส่ง , ผู้รับ , สาร , ช่องทางการส่งสาร
3. กระบวนการและเครื่องมือ = เทคโนโลยี
4. การฝึกอบรมและการเรียนรู้
5. การวัดผล
6. การยกย่องชมเชยและให้รางวัล
กรอบแนวคิดการจัดการความร้ ูตัวแบบปลาทู (Tuna Model)
ทึ่มา : http://www.udru.ac.th/website/attachments/elearning/10/03.pdf
1. ส่วนหัวปลา (Knowledge Vision : KV) คือ ส่วนที่เป็นเป้าหมาย วิสัยทัศน์
หรือทิศทางของการจัดการความรู้ โดยก่อนที่จะทําการจัดการความรู้จะต้องกำหนดวิสัยทัศน์ ว่าจะทําการจัดการความรู้เพื่ออะไร หรือจะมุ่งหน้าไปทางไหน และการกำหนดวิสัยทัศน์ของการจัดการความรู้
2. ส่วนกลางลําตัว (Knowledge Sharing : KS) คือ ส่วนของการแลกเปลี่ยน
เรียนรู้ (Share and Learn) จัดเป็ นส่วนสําคัญที่สุด และยากที่สุดในกระบวนการจัดการ
ความรู้ ทั้
งนี้เพราะจะต้องสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้คนยินยอมพร้อมใจที่จะแบ่งปันความรู้
ซึ่ งกันและกนโดยไม ั ่หวงวิชา
3. ส่วนที่เป็ นหางปลา (Knowledge Assets : KA) คือ องค์ความรู้ที่องค์กรได้เก็บ
สะสมไว้เป็ นคลังความรู้หรือขุมความรู้ ซึ่งมาจาก 2 ส่วนคือ
ความรู้ที่ชัดแจ้งหรือความรู้เปิ ดเผย (Eplicit Knowledge) คือ ความรู้เชิง
ทฤษฎีที่ปรากฏให้เห็นชัดเจนอย่างเป็ นรูปธรรม เช่น เอกสาร ตํารา และคู่มือปฏิบัติงาน
เป็ นต้น
ความรู้ซ่อนเร้นหรือความรู้ฝังลึก (Tacit Knowledge) คือ ความรู้ที่มีอยูใน ตัวคนไม่ปรากฏชัดเจนเป็นรูปธรรม แต่เป็ นสิ่งที่มีคุณค่ามาก เมื่อบุคคลออกจากองค์กรไป
แล้ว และความรู้นั้นยังคงอยู่กับ บองค์กร ไม่สูญหายไปพร้อมกบตัวบุคคล
ทึ่มา : http://www.udru.ac.th/website/attachments/elearning/10/03.pdf
วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2558
สิ่งที่ได้รับจากฟังเพื่อนออกมาเล่าประสบการณ์ที่ประทับใจ
บิล ณัฐกานต์
บิลได้ทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในช่วงปิดเทอมที่ร้านอาหาร
ซึ่งเขาบอกว่าการเป็นพนักงานเสิร์ฟนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะต้องมีความละเอียดรอบคอบ
และมีอัธยศรัยที่ดีในการทำงานบริการ และบิลได้บอกว่าถ้าตั้งใจทำงานก็จะได้รับสิ่งตอบแทนก็คือทิป
ลูกค้าจะให้แล้วแต่ความพอใจ ซึ่งจะได้มากเหมือนกันเขาดีใจมาก
สิ่งที่ได้รับจากประสบการณ์ของบิลนั้นก็คือ
การตั้งใจทำงานและความอดทน
ที่มา : https://www.facebook.com/photo.php?fbid=830509523694671&set=a.101579829920981.3212.100002068927612&type=1&theater
มาเรียม
สุคนธา
มาเรียมเล่าว่าเมื่อปิดเทอมเธอได้ไปทำงานที่ศูนย์เด็กเล็ก
ซึ่งเธอได้ช่วยครูดูแลเด็กเล็ก เธอบอกว่าเด็กซนมากต้องใช้ความอดทนสูง และเธอยังได้ช่วยทำงานเรื่องเอกสารอีกด้วยทำให้ได้รับประสบการณ์จากการทำงานครั้งนี้มาก
มาเรียมบอกว่างานที่ทำเหนื่อยแต่ทำให้เธอได้มีความรับผิดชอบมากขึ้น
และมีความผูกพันกับเด็กๆ ที่นั้นอีกด้วย
สิ่งที่ได้รับจากประสบการณ์ของมาเรียมนั้นก็คือ
การรับผิดชอบและความอดทน
ที่มา : https://www.facebook.com/photo.php?fbid=830509523694671&set=a.101579829920981.3212.100002068927612&type=1&theater
ล๊ะ ศุภรัตน์
ล๊ะ
ได้เล่าว่าช่วงปิดเทอมนี้ เธอได้ไปขายขนมที่หน้าโรงเรียน
ซึ่งเธอบอกว่าเป็นงานที่เหนื่อยเพราะว่าขายดี
เวลาช่วงที่เด็กนักเรียนนั้นเลิกเรียนจะมีเด็กมาซื้อขนมกันจำนวนมาก ซึ่งตามธรรมชาติของเด็กแล้วก็ยังไม่รู้เรื่องความระเบียบเท่ารัย
ต่างคนต่างจะสั่ง ล๊ะก็จะต้องมีความอดทนสูงและต้องทำตามคิวแต่ละคน
สิ่งที่ได้รับจากประสบการณ์ของล๊ะนั้นก็คือ
ความอดทน
ที่มา : https://www.facebook.com/photo.php?fbid=846463705438883&set=a.124075821011012.31928.100002257837302&type=1&theater
แอม พิชยสุดา
แอม
เล่าว่าช่วงปิดเทอมเธอได้ไปสมัครงานหลายที่ และได้ไปทำงานที่สำเพ็งเมืองนคร เธอบอกว่าเหนื่อยมากๆ
เขาใช้งานเธอหนักมากแต่เธอก็อดทนทำไปจนได้เงินเดือน 9,000 บาท
แล้วเธอก็ออกจากงานนั้นไปทำงานที่อื่น เป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่ง เธอบอกว่าเป็นงานที่เธอไม่เคยทำมาก่อน
งานนั้นมีความยุ่งยากมาก
เธอต้องทำงานเกี่ยวเอกสารและต้องมีการติดต่อสื่อสารกับสถานที่อื่นๆอีก
ซึ่งเธอบอกว่าเธอได้ฝึกอะไรหลายเรื่องทั้งเรื่องความรับผิดชอบ ความอดทน
และยังได้ทำให้เธอเป็นคนพูดเก่งขึ้น
สิ่งที่ได้รับจากประสบการณ์ของแอมนั้นก็คือ
การรับผิดชอบ ความอดทน และกล้าแสดงออก
ที่มา:https://www.facebook.com/photo.php?fbid=860618300652332&set=a.129901340390702.17404.100001125107820&type=1&theater
ที่มา:https://www.facebook.com/photo.php?fbid=860618300652332&set=a.129901340390702.17404.100001125107820&type=1&theater
กิ๊บ ชฎาพร
กิ๊บเล่าเรื่องการดูแลสุภาพของเธอว่า
ช่วงปิดเทอมนั้นสุภาพของเธอไม่ค่อยดีเท่ารัย แล้วต่อมาเธอได้หันมารับประทานมังสวิรัต
ซึ่งเธอบอกว่าช่วงแรกๆก็ไม่ค่อยคุ้นชินเท่ารัยเพราะต้องรับประทานแต่ผัก
แต่เธอก็อดทนและเธอยังบอกว่าต้องออกกำลังกายควบคู่ด้วยคือเต้นแอโรบิค T 25 ช่วยให้เธอมีสุขภาพที่ดีขึ้นและมีหุ่นที่กระชับและสวยงามขึ้น
สิ่งที่ได้รับจากประสบการณ์ของกิ๊บนั้นก็คือ
การดูแลสุภาพด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกาย
ที่มา : https://www.facebook.com/photo.php?fbid=860618300652332&set=a.129901340390702.17404.100001125107820&type=1&theater
บิว สุนิษา
บิว
เล่าว่าช่วงปิดเทอมเธอได้ไปหางานทำที่สำนักงานจัดหางาน
ซึ่งเขาบอกว่าให้ไปทำที่ปั๊มน้ำมันเซล แล้วเธอก็ไป
แต่พอไปถึงปั๊มแห่งนั้นพนักงานที่นั้นกลับบอกว่าเธอมาผิดปั๊ม ตอนนั้นเธอผิดหวังมาก
ต่อมาเธอไปทำงานแถวบ้านคือ ขายน้ำ เธอเล่าให้ฟังว่าขายดีมาก แต่ต้องมีความขยันในการขายด้วยจึงจะประสบความสำเร็จ
สิ่งที่ได้รับจากประสบการณ์ของบิวนั้นก็คือ
ความขยันหมั่นเพียร
ที่มา : https://www.facebook.com/photo.php?fbid=846467475414225&set=a.125037127557267.20235.100001529424815&type=1&theater
มุข พัชริดา
มุข
เล่าให้ฟังว่าตอนนั้นเธอได้ไปช่วยป้าของเธอขายรองเท้าที่สมุทรสาคร
แถวนั้นมีแรงงานต่างด้าวมากมาก ซึ่งมีลูกค้าที่เป็นคนพม่ามาซื้อร้องเท้ากับเธอ
เธอบอกว่าลูกค้าชาวพม่าพูดไม่รู้เรื่องเท่ารัยชอบต่อราคารองเท้ามากเกินไป
ซึ่งเธอต้องอดทนมาก แล้วต่อมาวันหนึ่งคนพม่าที่ซื้อรองเท้านั้นได้กลับมาใหม่แล้วบอกว่ารองเท้านั้นขาดแล้วจะขอเปลี่ยนเป็นคู่ใหม่
ซึ่งเธอจำได้ว่าลูกค้าคนนี้ได้ซื้อไปตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว แต่เธอพูดยังไงลูกค้าก็ไม่ยอม
จึงต้องยอมเพื่อคู่ใหม่ให้เขาเป็นอันจบเรื่อง
สิ่งที่ได้รับจากประสบการณ์ของมุขนั้นก็คือ
ความอดทน
ที่มา : https://www.facebook.com/photo.php?fbid=852181678191881&set=a.130853893658000.31930.100002001717915&type=1&theater
เอื้อง กัลยารัตน์
เอื้อง
ได้เล่าให้ฟังว่าตอนปิดเทอมนั้น เธอได้ไปทำงานที่ ร้านสะดวกซื้อ7-11 ที่ มหาวิยาลัยวลัยลักษณ์
เธอบอกว่าลูกค้าที่นั้นค่อนข้างจะเรื่องมากซึ่งเธอต้องอดทนเป็นอย่างมาก และงานที่ทำนัน้ก็หนักมาก
เธอตั้งทำตั้งแต่จัดของ เช็คของ ถูพื้น และต่อมาได้มาเป็นแคชเชียร์ เธอบอกว่าต้องมีความรับผิดชอบสูงในการดูแลเงินในร้าน
ซึ่งเธอบอกว่าการทำงานครั้งนี้ได้ประสบการณ์อย่างมาก
สิ่งที่ได้รับจากประสบการณ์ของเอื้องนั้นก็คือ
ความอดทน และความรับผิดชอบ
ที่มา : https://www.facebook.com/photo.php?fbid=950467068337736&set=a.122822154435569.30673.100001233555971&type=1&theater
วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2558
การจัดการความรู้ทางการศึกษา
ความรู้ (Knowledge)
ความรู้ เป็นสิ่งที่ได้รับมาจากประสบการณ์ต่างๆ รอบตัวเราในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็นข้อมูลข่าวสารจาก โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ โซเชียลเน็ตเวิร์ค หรือแม้แต่การพูดคุยกันระหว่างบุคคลก็เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ ซึ่งเกิดเป็นความรู้แล้ว
ความรู้ หากเปรียบเทียบให้ความรู้เป็นมีดด้ามหนึ่งแล้ว ถ้าไม่ได้รับการใช้งานหรือลับมีด มีดด้ามนั้นก็จะขึ้นสนิม อาจจะใช้การไม่ได้ในอนาคตก็เป็นได้ ความรู้ก็เช่นกันมีต้องได้รับการทบทวนอยู่เสมอ ต้องแบ่งบันซึ่งกันและกัน การแชร์ความรู้หนึ่งครั้งเท่ากับการทวนความรู้หนึ่งครั้งจะทำให้ความรู้นั้นคงอยู่กับเราตลอดไป
ความรู้ คือสิ่งที่อยู่ภายในบุคคล จับต้องไม่ได้จึงต้องมีการวัดประเมินความรู้ ด้วยการทดสอบ ถามตอบ ตัดสินจากผลงาน หรือ การกระทำ
ความรู้จะมีคุณค่าได้นั้นก็ขึ้นอยู่ว่าผู้ใช้ความรู้จะประยุกต์ใช้ความรู้ได้ถูกต้องและเหมาะสมหรือไม่ ผู้ให้ความรู้ที่ดีจะต้องคำนึงถึงโอกาสหรือช่วงเวลานั้นด้วย
การจัดการความรู้ (Knowledge Management)
การจัดการความรู้ เป็นการจัดการความรู้ที่มีนั้นให้เป็นระบบระเบียบเพื่อให้ความรู้อยู่สืบไป โดยการสร้างความรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์เรียนรู้ รวบรวม แล้วนำมาแยกแยะ จัดระเบียบ เพื่อนำไปสู่การประยุกต์ใช้ความรู้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
จุดเริ่มต้นของการจัดการความรู้
จากภาพด้านบน อธิบายได้ว่า จุดเริ่มต้นของการจัดการความรู้ เกิดจากการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างความรู้ของเพื่อนกับความรู้ของเรา อาจเกิดจากการพูดคุยกัน แล้วเกิดเป็นความรู้รวมระหว่างความรู้ของเราและความรู้ของเพื่อน จึงกลายเป็นความรู้ใหม่ที่ 2 ฝ่ายก็ต่างได้รับความรู้ใหม่ของกันและกัน
ความเป็นมาของการจัดการความรู้
ความเป็นมาของการจัดการความรู้ เริ่มต้นจาก Ikujiro Nonaka เป็นผู้คิดริเริ่มในการเห็นความสำคัญของการจัดการความรู้ และให้ตระหนักเห็นคุณค่าของความรู้เพื่อให้ความรู้เป็นสิ่งที่สืบเนื่องต่อไป ท่านยังสร้าแบบจำลองขึ้นมา คือ SECI Model
ความหลากหลายของการจัดความรู้ในหลายมุมมอง
ประเภทของความรู้
Explicit Knowledge หมายถึง ความรู้แบบปรากฏเห็นชัด แจ่มแจ้ง เป็นระบบ สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นเอกสาร หนังสือ สื่อต่างๆ
Tacit Knowledge หมายถึง ความรู้ที่ไม่ปรากฏให้เห็นชัด ซ่อนเร้นอยู่ภายในตัวของบุคคล ถ่ายทอดออกมายาก ความรู้อาจเกิดจากประสบการณ์ การเรียนรู้ พรสวรรค์ (Talent)
จากภาพด้านบนอธิบายได้ว่า
ความรู้เป็นของใคร
ความรู้ คือสิ่งที่อยู่ภายในบุคคล จับต้องไม่ได้จึงต้องมีการวัดประเมินความรู้ ด้วยการทดสอบ ถามตอบ ตัดสินจากผลงาน หรือ การกระทำ
ความรู้จะมีคุณค่าได้นั้นก็ขึ้นอยู่ว่าผู้ใช้ความรู้จะประยุกต์ใช้ความรู้ได้ถูกต้องและเหมาะสมหรือไม่ ผู้ให้ความรู้ที่ดีจะต้องคำนึงถึงโอกาสหรือช่วงเวลานั้นด้วย
การจัดการความรู้ (Knowledge Management)
การจัดการความรู้ เป็นการจัดการความรู้ที่มีนั้นให้เป็นระบบระเบียบเพื่อให้ความรู้อยู่สืบไป โดยการสร้างความรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์เรียนรู้ รวบรวม แล้วนำมาแยกแยะ จัดระเบียบ เพื่อนำไปสู่การประยุกต์ใช้ความรู้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
จุดเริ่มต้นของการจัดการความรู้
ความเป็นมาของการจัดการความรู้
ความเป็นมาของการจัดการความรู้ เริ่มต้นจาก Ikujiro Nonaka เป็นผู้คิดริเริ่มในการเห็นความสำคัญของการจัดการความรู้ และให้ตระหนักเห็นคุณค่าของความรู้เพื่อให้ความรู้เป็นสิ่งที่สืบเนื่องต่อไป ท่านยังสร้าแบบจำลองขึ้นมา คือ SECI Model
Ikujiro Nonaka
ที่มา: www.l3nr.org
วิวัฒนาการของการจัดการความรู้
- Pre-SECI -ค.ศ. 1978 เป็นยุคของการเริ่มต้นในการจัดการความรู้ เริ่มมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาสนับสนุนการใช้ความรู้เพื่อการตัดสินใจ
- SECI - 1995 เป็นยุคที่มีการจำแนกประเภทของความรู้ออกเป็น 2 ประเภท คือ Explicit Knowledge และ Tacit Knowledge
- Post-SECI- 2001 มีการอธิบายให้เห็นว่าการจัดการความรู้เป็นเรื่องที่สลับซับซ้อน มีหลากหลายมิติ ซึ่งจับต้องไม่ได้ จึงต้องใช้เทคโนโลยีในการเป็นเครื่องจัดการความรู้
- การใช้เทคโนโลยีในการช่วยในการรวบรวม การจัดระบบ การจัดเก็บ ทำให้ง่ายต่อการเข้าถึงข้อมูลความรู้ได้อย่างรวดเร็ว
- การจัดการความรู้เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้กัน
- การจัดการความรู้ต้องอาศัยการตีความที่ดีและสามรถนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์
- เมื่อมีการจัดการความรู้ที่ดีแล้วจะส่งผลดีต่อองค์กรด้วย
ประเภทของความรู้
Explicit Knowledge หมายถึง ความรู้แบบปรากฏเห็นชัด แจ่มแจ้ง เป็นระบบ สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นเอกสาร หนังสือ สื่อต่างๆ
ที่มา : www.physics.sci.ku.ac.th
Tacit Knowledge หมายถึง ความรู้ที่ไม่ปรากฏให้เห็นชัด ซ่อนเร้นอยู่ภายในตัวของบุคคล ถ่ายทอดออกมายาก ความรู้อาจเกิดจากประสบการณ์ การเรียนรู้ พรสวรรค์ (Talent)
ที่มา : www.enterrasolutions.com
ความรู้เปรียบเสมือนภูเขาน้ำแข็ง
ที่มา :www.vettech.ku.ac.th
จากภาพด้านบนอธิบายได้ว่า ความรู้ที่มองเห็น Explicit Knowledge เป็นความรู้ที่สามารถถ่ายทอดออกมาได้ซึ่งมรเพียงน้อง ประมาณ 30% เท่านั้น ส่วนความรู้ที่มองไม่เห็น Tacit Knowledge
เป็นความรู้ที่ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้ซึ่งมีอยู่มาก ประมาณ 70%
ที่มา : http://52010911288.blogspot.com/
- Socialization เป็นการการแบ่งปันและสร้างความรู้ โดยการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ด้วยการพูดคุย ประชุม
- Externalization เป็นการสร้างความรู้โดยการแปลความหรือถอดความออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร ด้วยการจดบันทึก
- Combination เป็นการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยในการจดบันทึกอย่าเป็นระบบ
- Internalization เป็นการนำความรู้ที่ได้ทำการสั่งสมมาตั้งแต่ต้น มาประยุต์ใช้
ความรู้เป็นของใคร
ความรู้ที่สำคัญที่สุดคือ ความรู้ของบุคคล เพราะเมื่อทุกคนมีความรู้แล้วก็จะส่งผลให้องค์กรดีขึ้นตามด้วย ที่สำคัญยังทำให้พัฒนาประเทศให้เป็นประเทศที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นด้วย
ระดับของความรู้
ระดับที่ 1 : Know-what รู้ว่าคืออะไร
เป็นความรู้เชิงรับรู้
ระดับที่ 2 : Know-how รู้วิธีการ
เป็นความสามารถในการนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้
ระดับที่ 3 : Know-why รู้เหตุผล
เป็นความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและมีความสลับซับซ้อน สามาารถรู้ว่าทำเพื่ออะไร
ระดับที่ 4 : Care-why ใส่ใจกับเหตุผลและแก้ปัญหา
เป็นความรู้ที่มาจากความคิดสร้างสรรค์ของตนเอง
กระบวนการพัฒนาความรู้
ที่มา : www.slideshare.net
- ข้อมูล หมายถึง ข้อเท็จจริง ข้อมูลดิบ หรือตัวเลขต่างๆที่ยังไม่ได้ผ่านการแปลความ
- สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลที่ผ่านกระบวนการประมวลผล เพื่อมาใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการและตัดสินใจ
- ความรู้ หมายถึง สารสนเทศที่ผ่านกระบวนการคิด เปรียบเทียบ เชื่อมโยงกับความรู้อื่นจนเกิดเป็นความเข้าใจและนำไปใช้ประโยชน์
- ปัญญา หมายถึง ความรู้ที่ฝังอยู่ในตัวคน
ที่มา; http://www.slideshare.net
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)